ในการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา 1 เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์บริษัท เว็บไซต์สำหรับขายของ หรือเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ จะต้องมีการวางแผนการทำงาน ซึ่งสามารถทำตามขั้นตอน ดังนี้
1. กำหนดวัตถุประสงค์
ก่อนที่เราจะเริ่มสร้างเว็บไซต์ เราควรกำหนดวัตถุประสงค์ของเรา ว่าต้องการสร้างเว็บไซต์มาเพื่ออะไร เช่น เพื่อขายสินค้า, เพื่อเขียนบทความ, เพื่อนำมาช่วยเหลือในการทำงานด้านต่างๆ ฯลฯ
2. เลือกโดเมนเนมและโฮสต์
เราจะต้องเลือกโดเมนเนม (ชื่อเว็บไซต์) และบริการเว็บโฮสติ้ง (Web hosting) ปัจจุบันมีบริษัทให้บริการจดโดเมนเนมและโฮสติ้งที่เราสามารถเลือกใช้ได้หลากหลาย
2.1. โดเมนเนม (Domain Name) คือ ชื่อที่ใช้แทนที่อยู่ IP (Internet Protocol) ของเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต เมื่อเราเข้าชมเว็บไซต์ผ่านเบราว์เซอร์ เช่น www.example.com โดเมนเนมช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องจำอ่านหรือจดจำหมายเลข IP ที่เป็นรหัสตัวเลขฐานสิบของเครื่องเว็บเซิร์ฟเวอร์เจ้าของเว็บไซต์นั้น ๆ
โดเมนเนมประกอบด้วยสองส่วนหลัก:
2.1.1. ชื่อโดเมน (Domain Name) เช่น "example" ใน "www.example.com" เป็นส่วนที่เราสามารถเลือกและจองตามความเหมาะสม โดยมักเลือกให้สอดคล้องกับชื่อบริษัทหรือลักษณะของธุรกิจหรือเนื้อหาของเว็บไซต์
2.1.2. Top-Level Domain (TLD) เป็นส่วนท้ายของโดเมนเนม (Domain Name) ที่อยู่ด้านขวาของจุด (.) ในโดเมนเนม เช่น ".com," ".org," ".net," ".edu," ".gov," และ ".int" เป็นส่วนที่แสดงลักษณะหรือประเภทของเว็บไซต์ แต่ ".com" เป็น TLD ที่มักนิยมใช้มากที่สุด
2.2. เว็บโฮสติ้ง(Web Hosting) เป็นบริการที่ให้การจัดเก็บและให้การเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณผ่านอินเทอร์เน็ต โดยให้พื้นที่บนเซิร์ฟเวอร์ (server) ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและสามารถเก็บข้อมูลของเว็บไซต์และให้บริการผู้ใช้สามารถเข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง เว็บโฮสติ้งจะต้องมีคุณสมบัติสำคัญ ดังนี้
Web Hosting มีหลายรูปแบบ ได้แก่ Shared Hosting, VPS Hosting, Dedicated Hosting และ Cloud Hosting ซึ่งการเลือกใช้งานจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมการใช้งานเป็นสำคัญ
โดเมนเนมและโฮสติ้งจะมีค่าบริการเป็นรายปี ราคาขึ้นอยู่กับ TLD ที่เราจดทะเบียน เราสามารถต่ออายุโดเมนเนมและเช่าใช้บริการโฮสติ้งล่วงหน้าได้หลายปี
3. เลือกแพลตฟอร์ม
เราจะต้องเลือกแพลตฟอร์มเว็บไซต์ในการสร้างเว็บไซต์ของเรา เช่น WordPress, Joomla, Wix, หรือสร้างเว็บเอง ฯลฯ โดยขึ้นอยู่กับความต้องการและระดับความเชี่ยวชาญของเรา ปัจจุบันเราสามารถค้นหาบริษัทรับทำเว็บไซต์ได้ เราสามารถส่งรายละเอียดความต้องการให้บริษัทรับพัฒนาประเมินราคาและระยะเวลาในการพัฒนาเพื่อตัดสินใจก่อนได้
4. ออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์(Sitemap)
เมื่อเราทราบวัตถุประสงค์การสร้างเว็บไซต์แล้ว เราก็วิเคราะห์ว่าเว็บไซต์ของเราต้องมีกี่หน้า ในแต่ละหน้าจะประกอบด้วยข้อมูลอะไรบ้าง
5. ออกแบบเว็บไซต์
ถ้าเราต้องการสร้างเว็บไซต์เพจเดียว เราสามารถใช้เทมเพลตเว็บหรือสร้างเว็บไซต์เองด้วย HTML, CSS, และ JavaScript. หากเราใช้แพลตฟอร์มเว็บ เราสามารถเลือกเทมเพลตหรือสร้างเว็บไซต์เอง.
6. เขียนบทความ
เมื่อเว็บไซต์สร้างเสร็จ เราสามารถเริ่มเขียนบทความของเรา เนื้อหาควรมีคุณภาพสูง และสามารถเอาไปประโยชน์ได้จริงสำหรับผู้อ่านของเรา
7. SEO (Search Engine Optimization)
เราควรจัดการ SEO เพื่อให้เว็บไซต์และบทความของเราติดอันดับสูงในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google, Bing เป็นต้น
8. การเผยแพร่
หลังจากที่เว็บไซต์และบทความได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว เราควรทำการเผยแพร่เว็บไซต์และบทความของเราผ่านช่องทางโซเชียล, อีเมล, และทางอื่น ๆ เพื่อให้คนอื่นรู้จักและเข้าชม
9. การประเมินและปรับปรุง
เราควรตรวจสอบสถานะของเว็บไซต์และบทความของเราเป็นระยะๆ เพื่อปรับปรุงและประเมินประสิทธิภาพของเว็บไซต์และเนื้อหาของเราในมีคุณภาพอยู่เสมอ
การสร้างเว็บไซต์และเขียนบทความเป็นงานที่มีอะไรมากมายให้คำนึงถึง การอัปเดตข้อมูลบนเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับการค้นหาได้ดียิ่งขึ้น